ตำนานกรณียเมตตสูตร
บทขัดกรณียเมตตสูตรเป็นบทเชื้อเชิญให้สวดพระปริตรอันประกอบด้วยคุณเป็นต้นว่า มีอานุภาพที่ทำให้เทวดาไม่แสดงอาการอันน่าสะพรึงกลัว และทำให้ผู้ที่ไม่เกียจคร้านหมั่นเจริญทั้งกลางวันและกลางคืน หลับก็เป็นสุขและจะไม่ฝันร้ายเลย
บทกรณียเมตตสูตรเป็นบทที่ว่าด้วยการเจริญเมตตา และอานุภาพแห่งเมตตา กล่าวถึงคุณสมบัติที่ควรฝึกให้มีในตน เช่น ความเป็นผู้องอาจ พากเพียร ซื่อตรง อ่อนโยน เป็นต้น และสอนให้แผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์โดยไม่มีประมาณ ให้มีจิตประกอบด้วยเมตตาอยู่เสมอ เมตตามีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ ทำให้บุคคลข้ามพ้นมิจฉาทิฏฐิ และเป็นหนทางนำไปสู่ความเป็นพระอริยบุคคลผู้หมดสิ้นกิเลสตัณหาในที่สุด บทกรณียเมตตสูตรนี้มีคำสวดขึ้นต้นว่า กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ... พระสูตรนี้มีตำนานมาว่า
ภิกษุ ๕๐๐ รูปเรียนเอาพระกรรมฐานจากสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว คิดอยากจะบำเพ็ญสมณธรรมในสถานที่อันสงัด จึงพากันเดินทางไปถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตามปกติประชาชนในหมู่บ้านนั้นก็เป็นผู้มีความเลื่อมใสอยู่แล้ว ยิ่งได้พบเห็นภิกษุเหล่านั้นก็ยิ่งเกิดปีติโสมนัสมากขึ้นเพราะยากที่จะได้เห็นภิกษุตามบ้านนอก จึงได้นิมนต์ให้เข้าไปพักในหมู่บ้าน แล้วช่วยกันจัดแจงอาหารมาถวาย จากนั้นก็พากันวิงวอนขอให้ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปพำนักอยู่ในที่นั้นตลอด ๓ เดือน แล้วช่วยกันสร้างกุฏิสำหรับเป็นที่บำเพ็ญสมณธรรม ๕๐๐ หลัง ตั้งน้ำฉันน้ำใช้ไว้สำหรับกุฏินั้นๆ เหล่าเทวดาที่สถิตอยู่ที่นั้นพากันเดือดร้อนเพราะผู้มีศีลมาอยู่ บางตนต้องระเหเร่ร่อนหาที่อยู่ใหม่ จึงคิดที่จะทำให้ภิกษุเหล่านั้นหวาดกลัว บางพวกก็แสดงไม่มีหัว บางพวกก็แสดงให้เห็นเพียงครึ่งตัว บางพวกก็ทำเสียงเยือกเย็นโหยหวนน่าหวาดเสียว
เมื่อภิกษุทั้งหลายได้ยินได้เห็นดังนั้น ก็เกิดความหวาดกลัว ต่างมีร่างกายซูบซีดเศร้าหมองผอมเหลือง ไม่อาจทำจิตให้แน่วแน่ลงได้ จึงพากันไปเฝ้าสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลให้ทรงทราบถึงอารมณ์ที่น่ากลัวจนไม่สามารถที่จะบำเพ็ญสมณธรรมได้ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงประทานอาวุธให้ภิกษุเหล่านั้นสำหรับป้องกันตัว อาวุธก็คือ “กรณียเมตตสูตร” นี้เอง อันมีเนื้อความขอให้บุคคลเป็นผู้อาจหาญ ซื่อตรง ว่าง่าย อ่อนโยน ไม่เย่อหยิ่ง มีสันโดษ เลี้ยงง่าย ไม่คะนอง ไม่ประกอบกรรมที่ผู้รู้ติเตียน แผ่เมตตาไปในหมู่สัตว์ทั้งหลาย ขอให้เขามีความสุข อย่าข่มเหงเบียดเบียนกัน อย่าดูหมิ่นกัน อย่าหาทุกข์ให้กัน เป็นต้น พระองค์ทรงให้ภิกษุเหล่านั้นสาธยายพระสูตรนี้เสมอๆ แล้วตรัสให้ภิกษุเหล่านั้นกลับไปบำเพ็ญสมณธรรม ณ ที่เดิมนั้นอีก ภิกษุทั้งหลายกราบถวายบังคมลา แล้วกลับไปสาธยายพระสูตรนี้ตั้งแต่นอกวัดจนถึงในวัด เหล่าเทวดาก็เกิดเมตตา มิได้แสดงอาการที่น่าหวาดเสียวนั้นอีกต่อไป ภิกษุเหล่านั้นจึงบำเพ็ญสมณธรรมได้อย่างเต็มที่
พระสูตรนี้ถือกันว่าทำให้ภูตผีปีศาจรักใคร่ ไม่มารบกวน
กรณียเมตตสูตรนี้มีเนื้อหาแสดงถึงการแผ่เมตตาโดยเฉพาะ กล่าวสอนให้แผ่เมตตา หรือแผ่ความรักความปรารถนาดีไปยังสรรพสัตว์ ตลอดถึงเทวดาภูตผีปีศาจต่างๆ อย่างไม่มีประมาณ หรือแผ่เมตตาไปโดยไม่มีขอบเขต สอนให้อยู่กันด้วยเมตตา เว้นจากการเบียดเบียนกันในระดับต่างๆ ไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ ก็ต้องมีเมตตาเอื้อเฟื้อประโยชน์สุขแก่กันและกัน โบราณาจารย์จึงสอนว่า ก่อนนอนให้แผ่เมตตา จะไม่ฝันร้าย ภูตผีเทวดาจะคุ้มครองรักษา นอนหลับอย่างสบาย อนึ่ง กรณียเมตตสูตรนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “พุทธาวุธ” คืออาวุธที่พระพุทธเจ้าประทานแก่พระสาวกดังที่กล่าวไว้ในตำนานแล้ว
ดังนั้น กรณียเมตตสูตรท่านจึงให้สวดเมื่อจำเป็นต้องเดินทางผ่านเทวสถาน ศาลเจ้า หรือเจ้าป่าเจ้าเขาที่แห่งใดแห่งหนึ่ง เป็นที่ทราบกันว่าเมื่อสวดบทนี้แล้ว เหล่าเทวดาเจ้าป่าเจ้าเขาจะไม่ทำอันตรายใดๆ ด้วยเหตุผลดังกล่าวพระสงฆ์จึงสวดกรณียเมตตสูตรทุกๆ ครั้งที่มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อเป็นสิ่งรักษาคุ้มครองพุทธศาสนิกชน และตักเตือนให้ปฏิบัติต่อกันด้วยเมตตา เป็นสิริมงคลแก่ตนเองและผู้อื่นสืบไป
No comments:
Post a Comment