Saturday, August 13, 2011

41.ตำนานธชัคคสูตร

ตำนานธชัคคสูตร



                บทขัดธชัคคปริตรหรือธชัคคสูตรเป็นบทที่เชื้อเชิญให้สวดพระปริตรที่แม้เพียงระลึกถึงก็ทำให้สิ่งที่สถิตในอากาศคือเทวดา และสัตว์ในพื้นดินคือมนุษย์ ได้ที่พึ่งเหมือนกัน (หายหวาดกลัว) ทุกเมื่อ และเพียงแต่ระลึกถึงพระปริตรก็ทำให้สัตว์ทั้งหลายรอดพ้นจากข่ายคืออันตรายทั้งปวง ที่เกิดจากพวกยักษ์และพวกโจรเป็นต้น
                ธชัคคปริตรหรือธชัคคสูตรเป็นบทที่ว่าด้วยยอดธง คืออานุภาพของพระรัตนตรัยที่สามารถระงับความสะดุ้งหวาดกลัวลงได้ และมีอานุภาพยิ่งกว่าที่พึ่งอื่นใดในโลก ผู้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งจะสามารถปฏิบัติกิจต่างๆ ของตนให้สำเร็จลุล่วงได้โดยสวัสดี  ตำนานของธชัคคปริตรหรือธชัคคสูตรมีความว่า
                สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าได้เสด็จประทับอยู่ที่พระเชตวันวิหาร อันเป็นอารามที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวายในเมืองสาวัตถี ครั้งนั้นพระองค์ได้ตรัสเตือนภิกษุทั้งหลายว่า  ภิกษุทั้งหลาย ในอดีตได้เกิดสงครามระหว่างเทวดากับอสูรขึ้น ครั้งนั้นท้าวสักกเทวราชผู้เป็นจอมแห่งเทวดาได้เรียกหมู่เทวดาในชั้นดาวดึงส์มาสั่งว่า ท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย เวลาที่พวกเราเข้าสู่สงคราม หากเกิดความกลัว หวาดสะดุ้ง ขนพองสยองเกล้า ขอได้แลดูยอดธงของเราเถิด เพราะว่าเมื่อพวกท่านแลดูยอดธงของพวกเรา ความกลัว ความสะดุ้ง ขนพองสยองเกล้าที่มีอยู่จักหายไป หรือถ้าไม่แลดูยอดธงของเรา ก็ให้แลดูยอดธงของปชาบดีเทวราช หรือถ้าไม่แลดูยอดธงของของปชาบดีเทวราช ก็ให้แลดูยอดธงของวรุณเทวราช หรือถ้าไม่แลดูยอดธงของวรุณเทวราช ก็ให้แลดูยอดธงของอีสานเทวราช เพราะเมื่อพวกท่านแลดูแล้ว ความกลัว ความสะดุ้ง ขนพองสยองเกล้าที่มีอยู่ก็จักหายไป ซึ่งเมื่อเทวดาทั้งหลายได้ทำตามดังนั้นแล้ว ความกลัว ความสะดุ้ง ขนพองสยองเกล้าที่มีอยู่ก็หายไปได้บ้าง ไม่หายบ้าง ทั้งนี้เป็นเพราะว่าท้าวสักกเทวราชผู้เป็นจอมแห่งเทวดายังไม่สิ้นราคะ โทสะ และโมหะ ยังเป็นผู้กลัว ผู้หวาดสะดุ้ง และยังเป็นผู้ต้องหนี
                จากนั้น พระพุทธองค์ก็ตรัสสอนภิกษุต่อไปอีกว่า ภิกษุทั้งหลาย ในเวลาที่พวกเธออยู่ในป่า อยู่โคนต้นไม้ อยู่ในเรือนเปล่า หรือจะที่ใดก็ตาม แล้วเกิดความกลัว ความสะดุ้ง ขนพองสยองเกล้าขึ้นมา ขอให้พวกเธอระลึกถึงเราตถาคต เพราะเมื่อพวกเธอระลึกถึงแล้ว ความกลัว ความสะดุ้ง ขนพองสยองเกล้าที่มีอยู่ก็จักหายไป แต่หากพวกเธอไม่ระลึกถึงเราตถาคต ก็พึงระลึกถึงพระธรรม แต่ถ้าพวกเธอไม่ระลึกถึงพระธรรม ก็พึงระลึกถึงพระสงฆ์ เพราะเมื่อพวกเธอระลึกถึงแล้ว ความกลัว ความสะดุ้ง ขนพองสยองเกล้าที่มีอยู่ก็จักหายไป ที่เป็นเช่นนี้เพราะเหตุว่าตถาคตเจ้าเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หมดสิ้นราคะแล้ว หมดสิ้นโทสะแล้ว หมดสิ้นโมหะแล้ว  เป็นผู้หมดความกลัว หมดความหวาด หมดความสะดุ้ง และเป็นผู้ไม่ต้องหนีอีกต่อไปแล้ว
                เรื่องเทวาสุรสงคราม (สงครามระหว่างเทวดากับอสูร) ได้มีเล่าไว้ในคัมภีร์ชั้นบาลีหลายแห่ง แต่เรื่องที่มีชื่อเสียงมากและนำมาใช้สวดเป็นพระปริตร คือธชัคคสูตรนี้เอง
                พระสูตรนี้มีข้อน่าสังเกตว่า มีคำขึ้นต้นว่า เรื่องเคยมีมาแล้ว (ภูตะปุพพัง) ใช้ขึ้นต้นเมื่อจะเล่าเรื่องแต่อดีตที่ล่วงมานานแล้ว แสดงว่าเป็นเรื่องที่เล่ากันมานาน และการนำเรื่องเก่ามาเล่าในคัมภีร์ชั้นบาลีทุกแห่ง จะเป็นเรื่องนี้หรือเรื่องอื่นก็ตาม ก็เพื่อสาธกธรรม ดังที่เรียกว่า นิทานสุภาษิต ในเรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน นำเรื่องเทวาสุรสงครามตอนนี้มาเล่าก็เพื่อสอนให้ระลึกถึง
พระรัตนตรัยในเมื่อเกิดความกลัวขึ้น เช่นเดียวกับพวกเทพที่เมื่อเข้าสงครามกับอสูร เกิดความกลัวขึ้นก็ดูยอดธงของพระอินทร์ หรือของเทวราชรองลงมาทั้งหลาย (พระยอดธงน่าจะสร้างขึ้นตามนัยพระสูตรนี้)
                พระสูตรนี้มีเนื้อหามาก ปัจจุบันเวลาเจริญพระพุทธมนต์ทำบุญบ้านเป็นต้น ไม่นิยมสวดเต็มสูตร ตัดสวดเฉพาะพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ส่วนการสวดเต็มสูตรนิยมสวดเฉพาะภายในวัดในเวลาเข้าพรรษา ซึ่งนิยมเวียนสวดพระสูตรที่มีเนื้อหามากสลับกันไปหลังทำวัตรเช้าเย็น ทั้งนี้เพราะมีเวลามาก อนึ่ง พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารีเถระ) กล่าวไว้ว่า ตามประเพณีไทยที่มีการแสดงธง พระสวดเคยสวดธชัคคปริตร ธชัคคสูตร ซึ่งแปลว่า สูตรยอดธงหรือชายธง ในสมัยเมื่อมีการสาบานธงหรือฉลองธงประจำกองที่ได้รับพระราชทานใหม่
                มนต์บทนี้เมื่อสวดแล้วถือกันว่ากำจัดความกลัว ความหวาดสะดุ้ง ขนพองสยองเกล้า ให้หายไปได้อย่างดีนักแล

No comments:

Post a Comment