คำนำ
เรื่อง พินิจพระคาถาชินบัญชร ที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้ เดิมผมได้นำไปออกอากาศในรายการ “คุยกับคนข้างวัด” ทางสถานีวิทยุเพื่อการศึกษาและพัฒนาอาชีพ ระหว่างเดือนกันยายน ๒๕๕๑ ถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๑
สถานีวิทยุเพื่อการศึกษาและพัฒนาอาชีพนี้ ออกอากาศด้วยระบบ FM ความถี่ 105.0 วิทยาลัยเทคนิคราชบุรีเป็นหน่วยงานรับผิดชอบและดำเนินการ สถานีออกอากาศก็ตั้งอยู่ในวิทยาลัยเทคนิคราชบุรีนั่นเอง รายการ “คุยกับคนข้างวัด” ออกอากาศทุกวันอังคารและวันศุกร์ เวลา ๑๕๓๐
มีท่านผู้ฟังหลายท่านได้ฟังเรื่องพระคาถาชินบัญชรแล้วก็แสดงความประสงค์จะขอเอาไปพิมพ์เป็นธรรมทาน ผมก็เรียนท่านไปว่า นอกจากตัวบทพระคาถาชินบัญชร และประวัติย่อๆ ของพระอรหันต์ รวมทั้งเรื่องย่อๆ ของพระสูตรพระปริตรที่เอ่ยถึงในพระคาถาชินบัญชรแล้ว ผมไม่มีต้นฉบับเพราะเป็นการพูดสดๆ ถ้าจะพิมพ์เป็นเล่มก็คงจะต้องรวบรวมเรียบเรียงเพิ่มเติมขึ้นอีกมากจึงจะสมบูรณ์
เมื่อเรื่องพระคาถาชินบัญชรออกอากาศจบลงไปแล้ว ผมก็ได้ค้นคว้ารวบรวมประวัติพระอรหันต์ที่เอ่ยถึงในพระคาถาชินบัญชรเพิ่มเติมขึ้นอีกจนครบทุกองค์ แล้วคัดพระสูตรพระปริตรที่ระบุไว้ในพระคาถาชินบัญชรออกมาจากคัมภีร์พระไตรปิฎกและจัดทำคำแปลที่คิดว่าน่าจะอ่านเข้าใจง่ายขึ้น แล้วเขียนบท พินิจพระคาถาชินบัญชร ขึ้นตามความรู้ความเข้าใจของผมเอง รวมเรื่องทั้งหมดที่กล่าวมานี้เข้าด้วยกันเป็นหนังสือ พินิจพระคาถาชินบัญชร เล่มนี้
ในส่วนประวัติพระอรหันต์นั้น ผมคัดมาจากพระไตรปิฎกบ้างอรรถกถาบ้างที่ท่านแปลเป็นภาษาไทยไว้แล้ว เพียงขัดเกลาสำนวนภาษาให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้นบ้างเท่าที่จะสามารถทำได้ และบางส่วนผมก็แปลและรวบรวมเรียบเรียงขึ้นใหม่ เพราะฉะนั้นสำนวนภาษาที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้จึงอาจจะไม่ราบรื่นเสมอกันไปทั้งหมด อีกประการหนึ่งที่สำคัญมากคือบางเรื่องบางตอนได้บอกคัมภีร์อันเป็นที่มาของเรื่องไว้ให้ด้วย แต่หลายๆ ตอนก็ไม่ได้บอกไว้ ทั้งนี้เป็นเจตนาของผมที่จะทำให้งานชิ้นนี้ดูเหมือนจะยังไม่สมบูรณ์ เพื่อเปิดโอกาสให้ท่านผู้อ่านท่านผู้อื่นที่มีศรัทธาอุตสาหะได้เข้ามาช่วยกันค้นคว้าต่อเติมให้สมบูรณ์ขึ้นในโอกาสต่อไป ผมขออนุโมทนาไว้ล่วงหน้าต่อกุศลจิตของท่านผู้ใดก็ตามที่คิดจะช่วยกันสืบสานงานชิ้นนี้ในสมบูรณ์บริบูรณ์ขึ้นในอนาคต
ท่านที่นิยมสวดพระคาถาชินบัญชรด้วยจิตที่มีศรัทธาเต็มร้อย เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านจะสวดพระคาถาชินบัญชรด้วยจิตที่มีปัญญาเพิ่มขึ้นบ้าง และเมื่อใดก็ตามที่ปัญญา (คือความรู้เรื่องราว เข้าใจเหตุผลที่ถูกต้อง รู้เข้าใจว่าเรากำลังทำอะไร ทำทำไม มุ่งผลอะไร และผลนั้นจะเกิดสำเร็จขึ้นได้ด้วยเหตุอย่างไร) ของท่านเพิ่มขึ้นเต็มร้อยเท่ากับศรัทธา เมื่อนั้นท่านก็จะเข้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาได้ง่ายขึ้น
ถ้าท่านสวดพระคาถาชินบัญชรแล้วก็นั่งรอนอนรอให้ความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาชินบัญชรมาช่วยให้ท่านได้ผลที่ต้องการโดยที่ท่านไม่ต้องทำอะไรอีก ท่านก็สวดด้วยความหลงผิดอย่างยิ่ง
พระพุทธศาสนานั้นเป็น กรรมวาที คือสอนว่าผลสำเร็จทุกอย่างต้องมาจากการกระทำของเราเอง ไม่ใช่มาจากการดลบันดาลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ท่านอ่านประวัติพระอรหันต์ที่ท่านเอ่ยนามในเวลาสวดพระคาถาชินบัญชรแล้วตรวจสอบเตือนตัวเองว่า พระอรหันต์เหล่านั้นก็เป็นมนุษย์เหมือนเรา เราก็เป็นมนุษย์เหมือนท่านเหล่านั้น เมื่อท่านเหล่านั้นสามารถสร้างเสริมคุณธรรมความดีขึ้นมาได้ถึงเพียงนั้น ก็แล้วทำไมเล่าเราจึงจะทำเช่นนั้นบ้างไม่ได้ แล้วเราได้เสริมสร้างพัฒนาคุณธรรมทำนองเดียวกันนั้นให้เกิดขึ้นในตัวเองบ้างแล้วหรือยัง ถ้ายัง ก็ลงมือได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ท่านแน่ใจหรือว่าพรุ่งนี้จะมีโอกาส ?
ท่านอ่านพระสูตรพระปริตรที่ท่านเอ่ยถึงในเวลาสวดพระคาถาชินบัญชรแล้วตรวจสอบดูด้วยว่า ท่านได้นำเอาสาระในพระสูตรพระปริตรเหล่านั้นมาประพฤติปฏิบัติในชีวิตจริงของท่านบ้างแล้วหรือยัง ถ้ายัง ก็ลงมือปฏิบัติเสียตั้งแต่วันนี้ ถ้าปฏิบัติแล้ว ก็มุ่งมั่นปฏิบัติให้เข้มข้นมากขึ้นและให้ต่อเนื่องมั่นคงยิ่งๆ ขึ้นตลอดไป จนกว่าจะถึงความพ้นทุกข์คือพระนิพพาน
ถ้าท่านทำได้ดังว่ามานี้ พระคาถาชินบัญชรที่ท่านสวดก็จะศักดิ์สิทธิ์ได้จริง – ศักดิ์สิทธิ์เพราะท่านทำให้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวท่านเอง
แต่ถ้าท่านเอาแต่สวดพระคาถาชินบัญชรแล้วก็นอนรอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาบันดาลความสำเร็จให้ ก็เชิญกราบไหว้วิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันต่อไป แต่โปรดทราบเถิดว่า แม้ปากของท่านจะเอ่ยว่านับถือพระพุทธเจ้า แต่การกระทำของท่านสวนทางกับคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างสิ้นเชิง
คนที่น่าสงสารอย่างยิ่ง คือมีแต่ศรัทธา แต่ขาดปัญญา จึงเชื่องมไปทุกอย่าง เหมือนคนที่ไม่ยอมลืมตาขึ้นเสียบ้าง
คนที่น่ากลัวอย่างยิ่ง คือมีแต่ปัญญา แต่ขาดศรัทธา จึงไม่ยอมเชื่ออะไรเลยสักอย่าง เหมือนคนที่ไม่ยอมหลับตาลงเสียบ้าง
ขอให้ศรัทธาและปัญญางอกงามและเจริญขึ้นพร้อมๆ กัน และเท่าๆ กันในจิตใจของทุกท่าน เทอญ
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
กรกฎาคม ๒๕๕๔